วันจันทร์ที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2551

มาชะลอความแก่ชราของร่างกายและดูแลสมองกันเถอะ

ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ ช่วยให้เกิดการคิดค้น ค้นหาจนพบสิ่งต่างๆที่น่าตื่นเต้นและน่าสนใจ โดยเฉพาะ เรื่อง การชะลอกระบวนการแห่งชราภาพ จะทำได้หรือไม่ คนเราจะมีชีวิตยืนยาวได้นานขึ้นหรือไม่ ถ้าได้จะทำอย่างไร มีการศึกษาจนพบรายละเอียดอันซับซ้อนมากจนไม่สามารถอธิบายได้ในเวลานี้
หลักการสำคัญที่จะนำไปสู่การชะลอกระบวนการแห่งชราภาพ และเพิ่มโอกาสให้สามารถมีชีวิตที่ยืนยาวอย่างมีสุขภาพดี ดังนี้คือ
1. เข้าร่วมกิจกรรมที่ทำให้ตนเองได้ออกกำลังกายอย่างสนุกสนานเป็นประจำ
2. มีอาชีพการทำงานที่สนุก สามารถรับมือกับความเครียดได้
3. โดยทั่วไปมีสัมพันธภาพที่มีความสุขในครอบครัว (สามี/ภรรยา/ลูก)
4. เป็นสมาชิกชมรมต่างๆ มีเพื่อนมากมาย
5. แสวงหาที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ และพัฒนาตนเอง
6. รับประทานอาหารที่สมดุล และดีต่อสุขภาพ
7. รับประทานอาหารเสริมที่มีวิตามิน แร่ธาตุและสารต้านอนุมูลอิสระ
8. มักให้อภัยและลืมสิ่งที่ไม่ดี
9. มีสติ รู้คุณค่าและมีจุดมุ่งหมายในชีวิต
10. มีความมั่นคงและมีระเบียบในชีวิต
หนทางที่จะนำไปสู่ความเสื่อมสภาพและแก่ตัวอย่างรวดเร็ว มีดังนี้
1. ใช้ชีวิตแบบที่ต้องนั่งเป็นส่วนใหญ่
2. น้ำหนักตัวมากเกินไป
3. ไม่สามารถรับมือกับความกดดันได้
4. อยู่อย่างโดเดี่ยว ทำงานตามลำพัง มีเพื่อน/สมาชิกครอบครัวน้อย
5. ยากจนหรือมีโอกาสทางการงานอาชีพที่จำกัด
6. รับประทานอาหารอย่างไม่ถูกต้อง เช่น อาหารสำเร็จรูป
7. รับประทานอาหารมากเกินไป เพื่อปลอบใจตนเอง
8. ดื่มเหล้าและสูบบุหรี่
9. ไปหาหมอเป็นประจำ เพราะมีโรคหลายโรค
10. เก็บกดความไม่พอใจ ความโกรธ ความกลัว
11. ขาดจุดมุ่งหมาย และไม่ตระหนักถึงคุณค่าของตนเอง
12. ขาดความมั่นคงและระเบียบในชีวิต
จะมีคนสักกี่คนที่สามารถมีวิถีแห่งการดำรงชีวิตที่ดี ที่จะช่วยชะลอกระบวนการชราภาพได้ และได้ทราบว่ามีสิ่งใดที่กำลังเร่งกระบวนการชราภาพ ในกระบวนการเหล่านี้มีสิ่งหนึ่งที่สามารถนำไปปรับปรุงตนเองได้ทันที คือ อาหาร เพราะอาหารมีผลต่อความแก่ชรา คงความเป็นหนุ่มสาวได้ และช่วยให้มีความสุขในการดำเนินกิจกรรมต่างๆของชีวิต
(ที่มา : Science today ฉบับที่ 3 .2546.หน้า 26-27)
มาดูแลสมองกันเถอะ
บางที่การดูแลร่างกายให้มีสุขภาพที่สมบูรณ์แข็งแรง แต่ลืมนึกถึงอวัยวะที่สำคัญอีกส่วนหนึ่ง นั่นคือ “สมอง” อาจารย์กฤษฎี โพธิทัต นักโภชนากรโรงพยาบาลเวชธานี ได้บอกเล่าเรื่อง อาหารบำรุงสมอง เพื่อให้ผู้บริโภคฉลาดเลือกรับประทานได้ดียิ่งขึ้น
สมอง” เป็นอวัยวะ ทำหน้าที่เสมือนศูนย์ควบคุม สั่งการทำงานของส่วนต่างๆของร่างกาย เป็นหน่วยเก็บความจำ และมีส่วนเกี่ยวข้องกับอารมณ์ ความรู้สึกด้วย แต่เมื่ออายุมากขึ้น เนื้อเยื่อสมองมีการเปลี่ยนแปลง มีอาการหลงลืม เฉื่อยชา หดหู่ เหงา เศร้ามากขึ้น ไอคิวและความอยากเรียนรู้ลดน้อยลง แต่ไม่ควรปล่อยเลยตามเลย เพราะสมองคนเราสามารถพัฒนากระตุ้นให้เกิดความกระตือรือร้น ราวเป็นสมองคนรุ่นใหม่ได้อยู่เสมอ นักวิจัยค้นพบว่าสมองสามารถสร้างเซลล์ขึ้นมาใหม่ได้ ไม่ว่าจะมีอายุเท่าใดก็ตาม หากมีสิ่งกระตุ้นทางด้านความคิด และประกอบกับการได้รับสารอาหารที่ดีมาหล่อเลี้ยงอย่างสม่ำเสมอ อาหารสมองที่ทราบกันทั่วๆไป คือ ปลาที่มีกรดไขมันโอเมก้า 3 แต่สมองยังต้องการวิตามินและแร่ธาตุอื่นๆด้วย เช่น
1. วิตามินบีต่างๆ ช่วยป้องกันสมองเสื่อม นักวิจัยพบว่าวิตามินบีช่วยส่งต่อข้อมูลของเซลล์สมอง ทำให้มีสมาธิในการทำงาน คิด เพิ่มความจำ และความคุมอารมณ์ได้ด้วย พบได้ใน ข้าวซ้อมมือ ธัญพืช ผัก ผลไม้ เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน และอาหารทะเล
ในผู้สูงอายุที่มีปัญหาการดูดซึมสารอาหารโดยเฉพาะวิตามินบี เพราะใช้ยาลดกรมในกระเพาะอาหาร ควรรับประทานวิตามินเสริมด้วย
2. ธาตุเหล็ก เป็นแร่ธาตุที่นำพาก๊าซออกซิเจนไปเลี้ยงสมอง ทำให้มีสมาธิ ถ้าขาดธาตุนี้จะทำให้ไม่มีสมาธิ การเรียนรู้ลดลงและอ่อนเพลีย พบในเนื้อสัตว์ และอาหารทะเล
ผู้ที่เสี่ยงต่อการขาดธาตุเหล็ก คือ ผู้สูงอายุที่ไม่ทานเนื้อสัตว์ ผู้ทานอาหารเจหรือมังสวิรัติ ผู้หญิงวัยทอง และผู้หญิงที่มีประจำเดือนมาก
3. กรดไขมันโอเมก้า 3 ช่วยป้องกันสมองเสื่อม พบใน ปลาทะเล นักวิจัยพบว่า การรับประทานปลาทะเลอย่างสม่ำเสมอจะมีความคิดความจำดีกว่าผู้บริโภคปลาทะเลน้อย แต่ควรเลี่ยงปลาทอด เพราะทำให้จะสูญเสียโอเมก้า 3ได้
4. สารต้านอนุมูลอิสระ วิตามินซี วิตามินอี สารเบต้าแคโรทีน ช่วยป้องกันเยื่อสมองจากสารอนุมูลอิสระที่นำไปสู่สมองเสื่อม ป้องกันโรคอัลไซเมอร์ได้ด้วน พบใน ผัก ผลไม้ และถั่วต่างๆ(โดยเฉพาะผักและผลไม้ที่มีสีเข้มต่างชนิดกันไป)
5. โคลีน เป็นส่วนประกอบของเยื่อสมอง พบในไข่แดง ตับ ถั่วลิสง ขนมปังโฮลวีท นม มันฝรั่ง มะเขือเทศ และส้ม
นอกจากอาหารมีความสำคัญต่อสมองแล้ว พฤติกรรมการบริโภคที่ดีมีส่วนช่วยส่งเสริมการทำงานของสมอง เช่น การรับประทานให้เป็นเวลา ไม่งดอาหารเช้า ควบคุมน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม ควบคุมความดัน หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ทำกิจกรรมสมอง รวมทั้งนั่งสมาธิและฝึกการคิดให้เป็นระบบ จะช่วยชะลอภาวะเสื่อมของสมองได้
(ที่มา: สกุลไทย. ฉบับที่2798.2551.หน้า 71)

ไม่มีความคิดเห็น: